เมล็ดพันธุ์งาดำ

เมล็ดพันธุ์งาดำ อินทรีย์

ราคา 20.00 ฿

ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทุกฤดู

อัตราการงอกของเมล็ดอยู่ที่ 80 – 90 %

จำหน่ายราคาถูก 300-400 เมล็ด : 20 บาท

ไม่มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อ เท่าไหร่ก็ส่งให้ได้ค่ะ

ส่งไปรษณีย์ EMS 40 บาท /  1 – 2 วันถึงมือเลยค่ะ

ส่งไปรษณีย์ EMS 40 บาท /  1 – 2 วันถึงมือเลยค่ะ

ส่งธรรมดา ลงทะเบียน 25 บาท /  3 – 4 วันถึงมือเลยค่ะ

มีบริการเก็บเงินปลายทางส่งแบบ EMS ค่าจัดส่ง 50 บาทค่ะ

สั่งซื้อหลายอย่างสามารถรวมส่งได้ค่ะ

( ถ้าสั่งซื้อครบ 20 ชนิดขึ้นไป ส่ง EMS ให้ฟรีค่ะ)

ติดต่อสอบถาม / สั่งซื้อได้ทาง โทร 093-2390344 
ทางไลน์ LIND ID : f.jayjay
หรือ Add line ง่ายๆ แค่กด f.jayjay
สแกนคิวอาร์โค้ดสั่งซื้อสินค้า
ฝากกดติดตาม/หรือกดถูกใจเพจ Facebook สองพี่น้องอินทรีย์ฟาร์ม ของเราด้วยนะคะ

รายละเอียดเพิ่มเติม

เมล็ดพันธุ์งาดำ

เมล็ดพันธุ์งาดำ อินทรีย์ของเราเน้นคัดสรรเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ เมล็ดมีความสมบูรณ์มากที่สุด เราจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผักสลัดหลากหลายชนิด และมีเมล็ดพันธุ์หลากหลายรายการให้ลูกค้าได้เลือกสรร

ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้คนจำนวนมากหันมาปลูกผักเพื่อทานกินเองในครอบครัว แบบปลูกในกระถางหรือปลูกในแปลงเล็กๆ แบบปลอดสารพิษ เราจึงในใจในเรื่องของการปลอดสารพิษเป็นอย่างมาก ขั้นตอนในการปลูกเราจึงปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี แต่จะบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ และทำฮอร์โมนแสงอาทิตย์ สำหรับบำรุงต้น ส่วนวัชพืชเราได้ใช้วิธีการถอนมือ เพราะทางเราไม่ได้ปลูกจำนวนมาก ปลูกแบบครอบครัว ดูแลกันในแบบของครอบครัว ไม่ได้ออกแนวธุรกิจ ไม่ได้สกัดสารพันธุ์ของเมล็ด ทางลูกค้าสามารถนำไปปลูกและรอจนกว่าเมล็ดพันธุ์ของต้นงอกออกมา แล้วลูกค้าสามารถนำไปปลูกต่อได้เลย เพราะทางเราเป็นลูกหลานของเกษตรที่ทำการเพาะปลูกและก็ได้เก็บเมล็ดพันธุ์ต่อๆกันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รุ่นของบรรพบุรุษ

ช่องทางการสั่งซื้อ เมล็ดพันธุ์งาดำ อินทรีย์ ลูกค้าสามารถโทร หรือ ไลน์สั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ ได้เลยนะคะ

เราขอขอบคุณที่อุดหนุนเมล็ดพันธุ์ของเรา

ลักษณะทั่วไปงาดำ

งาดำ เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุฤดูเดียว มีลำต้นตั้งตรง อาจแตกกิ่งหรือไม่แตกกิ่งแขนง ลำต้นสูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะสีเหลี่ยม มีร่องตามยาว ไม่มีแก่น มีลักษณะอวบน้ำ และมีขนสั้นปกคลุม เปลือกลำต้นบาง มีสีเขียว  ใบงาดำ ออกเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามกันเป็นชั้นๆตามความสูง ประกอบด้วยก้านใบสั้น ยาวประมาณ แผ่นใบมีรูปหอก สีเขียวสด กว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 8-16 เซนติเมตร โคนใบมนกว้าง ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย มีเส้นแขนงใบตรงข้ามกันเป็นคู่ๆยาวจรดขอบใบดอกงาดำเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มตรงซอกใบ จำนวน 1-3 ดอก ดอกย่อยมีก้านดอกสั้น มีกลีบรองดอก จำนวน 5 กลีบ ส่วนกลีบดอกมีลักษณะเป็นกรวย ห้วยลงดิน กลีบดอกอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง กลีบดอกเมื่อบานมีสีขาว ยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กลีบล่าง และกลีบบน โดยกลีบล่างจะยาวกว่ากลีบบน ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 2 คู่ มี 1 คู่ยาว ส่วนอีกคู่สั้นกว่า ส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน มีก้านเกสรยาว 1.5-2 เซนติเมตร ปลายก้านเกสรแหว่งเป็น 2-4 แฉก  ผลงาดำเรียกว่า ฝัก มีลักษณะทรงกระบอกยาว ผิวฝักเรียบ ปลายฝักแหลมเป็นติ่ง และแบ่งออกเป็นร่องพู 2-4 ร่อง กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ฝักอ่อนมีสีเขียว และมีขนปกคลุม ฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำอมเทา จากนั้น ร่องพูจะปริแตก เพื่อให้เมล็ดร่วงลงดิน  ภายในฝักมีเมล็ดขนาดเล็ก สีดำจำนวนมาก เมล็ดเรียงซ้อนในร่องพู เมล็ดมีรูปรี และแบน ขนาดเมล็ดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร เปลือกเมล็ดบางมีสีดำ มีกลิ่นหอม แต่ละฝักมีเมล็ดประมาณ 80-100 เมล็ด

ถิ่นกำเนิดงาดำ

งาดำมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย แล้วแผ่กระจายไปยังอินเดีย จีน และประเทศต่างๆในแถบเอเชียรวมถึงประเทศไทยด้วย ส่วนในประเทศอินเดียมีการระบุว่ามีการปลูกงามาแล้วหลายพันปี ก่อนที่พ่อค้าชาวอาหรับ และเมดิเตอร์เรเนียลจะนำงาไปปลูกแถบอาหรับ และ ยุโรป

นอกจากนี้ยังมีผู้พบหลักฐานว่า ชาวบาบิโลนในประเทศโซมาเลียมีการปลูกงามานานกว่า 2,500 ปี ก่อนคริสตกาล และใช้นํ้ามันงาสำหรับทำยา และอาหาร ซึ่งมีบันทึกใน Medical Papyrus of Thebes กล่าวว่า ทหารโรมันได้นำงาไปปลูกในประเทศอิตาลีในคริสศตวรรษที่ 1 แต่ปรากฏว่าสภาพภูมิอากาศไม่เหมาะกับการปลูก และในช่วงปลายศตวรรษที่17 และ18 มีการนำงามาปลูกในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยทาสชาวแอฟริกัน

ด้านการใช้ประโยชน์จากงาดำนั้นอินเดีย จีน และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเซียจะใช้งาทำเป็นนํ้ามันเพื่อปรุงอาหาร ส่วนชาวยุโรปจะนำงามาทำเค้ก ไวน์ และนํ้ามัน รวมถึงใช้ในการปรุงอาหาร และเป็นเครื่องหอม ส่วนชาวแอฟริกันใช้ใบงาทำ ดอกไม้เพลิง และพอกผิวหนัง และใช้เป็นสารไล่แมลงให้สัตว์เลี้ยงเป็นต้น


ประโยชน์และสรรพคุณงาดำ

  1. ช่วยบำรุงร่างกาย
  2. ช่วยบำรุงผม ผิวพรรณ กระดูก เล็บ
  3. ช่วยระบบขับถ่ายดีขึ้น
  4. ช่วยป้องกันโรคภาวะกระดูกพรุน
  5. แก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ปวดบวม ลดการอักเสบ
  6. เป็นยาระบายอ่อนๆ
  7. ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน ลดความอ้วน
  8. ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
  9. ช่วยให้นอนหลับสบาย
  10. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
  11. ช่วยชะลอความแก่
  12. ช่วยป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา
  13. ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวารรูปแบบและขนาดวิธีใช้ในปัจจุบันงาดำนั้นส่วนมากจะนิยมนำมาทำเป็นขนมหรือส่วนผสมของขนมและผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริโภคมากกว่าการใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ แต่ก็มีตำรายาไทยแผนโบราณที่ได้ระบุปริมาณการใช้เพื่อบำบัดรักษาโรคต่างๆ เช่น
    1. รักษาอาการปวดตามข้อ ใช้งาคั่วรับประทาน 2-3 ช้อนโต๊ะ 2-3 อาทิตย์
    2. รักษาอาการอ่อนเพลีย เมื่อตามร่างกาย รับประทานงาคั่ว 2-3 ช้อนโต๊ะ 2-3 อาทิตย์
    3. รักษาอาการเหน็บชา คั่วเมล็ดงา 1 ลิตร ร่วมกับรำข้าว 1 ลิตร และกระเทียมหั่น 1 กำมือ จากนั้น ตำบดผสมกัน และผสมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลรับประทาน 1 เดือน
    4. รักษาอาการคัดจมูก ใช้งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับกับข้าวสุกหรือน้ำเต้าหู้รับประทาน 2-3 วัน
    5. รักษาอาการเป็นหวัด รับประทานงาคั่ว วันละ 4 ช้อนโต๊ะ
    6. รักษาอาการท้องผูก ใช้งาคั่วผสมกับเกลือรับประทานร่วมกับข้าว
    7. รักษาอาการปวดประจำเดือน รับประทานงาผง ½ ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง
    8. ใช้บำรุงสมอง และระบบประสาท ใช้งาคั่วผสมกับมะขามป้อม และน้ำผึ้ง รับประทานวันละ 1 ครั้ง

ขั้นตอนการปลูกงา (งาดำ, งาขาว และงาขี้ม่อน) ฉบับ Farm Organic seed

 การเตรียมดิน
ดินเพาะต้นกล้า – วัสดุเพาะปลูกสำเร็จเช่น พีทมอส

-ดินปลูกผสมเอง ผสมดิน ขุยมะพร้าว ปุ๋ยคอก
ในอัตราส่วน 1:1:1 ผสมให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1-2
สัปดาห์ หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนฝนในระหว่างที่หมัก
แปลงดินเพาะปลูก

–ไถกลบดินบริเวณที่ต้องการทำการเพาะปลูกงา
ใช้ได้กับงาทั้งสามชนิด
หากเป็นที่ดินบริเวณเนินไม่ต้องยกร่องก็ได้ค่ะ

 การปลูกงาแบบเป็นแถว

 หลังจากเตรียมดินเสร็จแล้ว
สามารถใช้จอบขูดทำร่องเล็กๆสำหรับโรยเมล็ดงา
หรือหากมีคราดของรถไถจะช่วยทำให้สะดวกและประหยั
ดแรงมากขึ้นค่ะ ระยะห่างระหว่างแถว ประมาณ 50 ซม.

หลังจากเตรียมร่องสำหรับหว่านเมล็ดแล้วจึงโรยเมล็ดงาล
งในร่องโดยไม่ให้ชิดกันจนเกินไป และกลบด้านบนบางๆ

 รดน้ำให้ชุ่มหลังจากหว่านและกลบเสร็จ
ในช่วงฤดูฝนคอยสังเกตหน้าดิน หากดินแห้งให้รดน้ำเพิ่มให้ดินชุ่มชื้น

เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกให้สังเกตบริเวณใดที่มีต้นขึ้นติดกันหรือไกล้กันเยอะ
ให้ถอนย้ายไปปลูกยังบริเวณที่ต้นกล้าไม่ค่อยงอกหรือบริเวณที่ว่าง

 หลังจากต้นกล้ามีอายุประมาณ 3-4สัปดาห์สามารถเริ่มให้ปุ๋ยคอก
และสามารถเพิ่มปริมาณเมื่ออายุต้นงามากขึ้นค่ะ
*อายุการเก็บเกี่ยวงาใช้เวลาประมาณ 4-5เดือนฝักถึงจะเริ่มแก่และแห้งค่ะ*

 การปลูกแบบเป็นแถวจะช่วยให้ง่ายต่อการดูแลและการเก็บเกี่ยวค่ะ
และการปลูกงาในช่วงกลางฤดูฝนไปจนถึงต้นฤดูหนาวจะช่วยให้ประหยัดเรื่องน้ำด้วยค่ะ

ทางไลน์ LIND ID : f.jayjay
หรือ Add line ง่ายๆ แค่กด f.jayjay
สแกนคิวอาร์โค้ดสั่งซื้อสินค้า
ฝากกดติดตาม/หรือกดถูกใจเพจ Facebook สองพี่น้องอินทรีย์ฟาร์ม ของเราด้วยนะคะ